สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยคิดว่า ฉันจะทำมันได้ สิ่งนั้น คือ การวิ่งมาราธอน
ต้องบอกก่อนว่า ก่อนหน้านั้นเป็นระยะเวลาตั้งแต่ลืมตาดูโลก จนถึงวันแรกที่ใส่รองเท้าวิ่ง
นั่นนับเป็นจำนวนปีได้กว่า 39 ปี
จำได้ว่า วิ่งครั้งแรก ใช้เวลาการแต่งตัววิ่งนานกว่าวิ่งอีก 55555
กว่าจะแม็ตช์ เสื้อ ผ้า หน้า ผม รองเท้า ได้ก็ปาเข้าไป 15 นาที
แต่วิ่งครั้งแรกใช้เวลาไม่ถึง 5 นาที เรียกได้ว่า เหงื่อยังไม่ทันซึมผ่านผิวหนังเลย
ก็เหนื่อยละ อารมณ์ปานว่า จะเป็นลม หูอื้อ หัวหมุนติ้ว
คนอื่นเห็นคงคิดว่า วิ่งมากว่า 1 ชั่วโมงละ
แต่ด้วยความอยากผอม น้ำหนักตอนนั้น ประมาณ 54 กก. ได้ ซึ่งเทียบกับส่วนสูงที่
สูงแค่ 156 ซม. ก็ถือได้ว่า เกือบจะอ้วนละ 5555
ด้วยความเป็นคนแขน ขา เล็ก คนทั่วไปเลยมองว่า ไม่อ้วน แต่จริงๆ แล้ว บรรดาไขมันทั้งหมดที่
มีในตัวนั้น ไหลมาอยู่ที่เดียวกันเลย คือ พุง 555555
จึงเป็นจุดเริ่มต้นว่า "แกควรจะออกกำลังกายได้ละ"
หลังจากวันแรกผ่านไป ก็มีวันที่ 2 วันที่ 3 และก็วันต่อๆมา
เนื่องจากเป็นคนชอบการเอาชนะตัวเอง จึงตั้งปณิธานว่า จะวิ่งให้ได้ทุกวัน
แต่ ๆ ๆ
ผ่านไปได้สัก 2 อาทิตย์
เชื่อว่า ทุกคนที่วิ่งตอนแรกๆ จะต้องเจอกับวันนี้
วันที่ เหนื่อย ท้อ เมื่อย ง่วง หิว หมดหวังกับชีวิต ชีวิตนี้ไม่มีค่า ชีวิตนี้ไร้ซึ่งความสุข บลาๆๆ
แล้วก็หยุดว่ิ่ง คิดในใจว่า "ไว้พรุ่งนี้ละกัน"
แล้ววันพรุ่งนี้ก็มาไม่ถึง 555555
วันหนึ่ง พอหยุดไปได้สัก 3 วัน ความขี้เกียจเริ่มก่อตัวขึ้นเป็นก้อนๆ อัดแน่นอยู่เต็มตัว
คือ ก้อนขี้เกียจ หรือก้อนไขมัน ก็ไม่แน่ใจ
ชีวิตเริ่มหาทางยุ่งไปกับเรื่องอื่นๆ ประชุมเลิกดึก หิวข้าว ง่วงนอน มีนัดสังสรรค์กับเพื่อน
ติดงานเลี้ยง เวียนหัว คลื่นไส้ อาเจียน
จิปาถะ แล้วก็คิดเข้าข้างตัวเอง "ก็คนมันยุ่งอะ" "ไม่มีเวลาเลย" "ทำงานมาก็เหนื่อย จะให้ไปวิ่ง
อีกทำไม" "ขอนอนส่อง fb คนอื่นดีกว่า อิอิ"
จนพอเริ่มใส่กระโปรงแล้วอึดอัด ก็กลับมาก้มมองดูพุงน้อยๆ ของตัวเองอีก
เฮ้อ สงสัยต้องเริ่มวิ่งอีกทีละ
เอาใหม่ ห้ามเลื่อน 555555 (บอกกับตัวเอง)
ทำไงดี มีวิธีไหนบ้างที่ทำให้เราอยากวิ่ง
อ๋อ รู้ละ ซื้อรองเท้าใหม่
พอฉันซื้อรองเท้าใหม่ ก็มีอาการเห่อของ อยากโชว์
เอาละ วันนี้ต้องวิ่งโชว์ซะหน่อย
พอเริ่มวิ่งใหม่ ก็เกิดอาการเดิมอีก คือ แต่งตัว 15 นาที วิ่ง 5 นาที
วิ่ง 2 วัน หยุด 3 วัน ชีวิตวนเวียนเป็นลูปไปเรื่อยๆ
รองเท้าใหม่ก็แล้ว กางเกงใหม่ก็แล้ว หมวกใหม่ (อันนี้ถือเป็นพร็อพส่วนตัว) ก็แล้ว
ก็ยังวนเวียนอยู่แบบนี้ไปเรื่อยๆ
จนวันนึงก็ถึงจุดเปลี่ยน
คือ ถ่ายรูปมา เห็นแขนตัวเองใหญ่กว่าขาอีก แถมมันจะห้อยๆ เนื้อย้วยๆ
ลมแทบจับ ตายแล้วววววว
ฉันต้องเปลี่ยนตัวเองให้ได้
แต่จะทำยังไงดี คิดๆๆๆ
ต้องหากลยุทธ์ใหม่ ที่จะไม่กลับไปเป็นเหมือนเดิม
หาข้อมูลจาก google เลยจ้า "ทำไงดี ขี้เกียจวิ่ง"
เฮ้ย มีเพื่อนเพียบเลย 555 รู้สึกดีใจ ไม่ใช่ฉันคนเดียวดีหว่า
มีหลายวิธีมากเลย ที่มีคนมาแชร์ ไม่ว่าจะเป็น
ก้มลองดูพุงตัวเองสิ จะเกิดอาการอยากวิ่งขึ้น
หรือ ติดรูปนางแบบไว้ข้างฝาบ้าน หรือหาแรงบันดาลใจ ต่างๆ
ก็ลองหลายมันทุกวิธีละ แต่มาเจอ 2 วิธี ซึ่งมันได้ผลมากกก
มันคือ อาวุธสำคัญ ที่ทำให้ฉันลุกขึ้นมาวิ่งได้ทุกวันโดยไม่ขี้เกียจ
สิ่งนั้น คือ ...........
ข้อแรก ห้ามคิดอะไรเลย ในหัวเลิกคิดไปชั่วขณะ
แค่กลับถึงบ้าน หรือจะตื่นเช้าขึ้นมาแล้ว
ลุกขึ้นแต่งตัว ใส่รองเท้าวิ่ง
ไม่ว่าจะรู้สึกอย่างไร ไม่ต้องสนใจอะไรที่ผ่านเข้ามาในหัว
เดินไปที่ตู้เสื้อผ้า หยิบชุดวิ่งออกมา
เดินหน้าตาลอยไปหยิบรองเท้ามาใส่
แล้วเดินออกจากบ้าน
แค่นั้นเอง
พอได้ใส่รองเท้าวิ่ง แล้วก็เดินออกจากบ้านไป
มันก็จะทำให้เราเดินหรือวิ่งได้เอง
วันไหนเหนื่อยก็เดิน
วันไหนไม่เหนื่อยก็วิ่ง
แค่เนี้ย
แค่ใส่รองเท้าวิ่ง
โดยไม่ต้องมีอะไรในหัว ไม่ต้องคิดอะไรเลย เดินแบบไร้วิญญาณไปใส่รองเท้าวิ่งซะ
ตื่นเช้ามา ลุกขึ้นจากเตียง ไม่ต้องทำอะไรหรือคิดอะไรทั้งนั้น
จบ...
ง่ายมั้ย จะบอกว่า เป็นเคล็ดลับที่ง่ายมาก แต่ถามว่าทุกคนทำได้มั้ย
ทำได้นะ จะบอกว่า มันทำได้กับทุกคนนะ
เพราะจริงๆ สิ่งที่มันขวางเราไม่ให้เราออกไปวิ่ง
คือ สมอง ของเรา ที่มันคอยจะบอกว่า เฮ้ย มันเหนื่อยอะ มันขี้เกียจอะ
วิธีการที่จะเอาชนะสมองของเราได้ ก็คือ ห้ามคิด แค่ลงมือทำอย่างเดียว
แล้วเชื่อเถอะ ว่าหลังจากเราวิ่งเสร็จแล้ว สารเคมีที่ชื่อ "เอนโดรฟิน"
จะหลั่งออกมา ทำให้เรารู้สึกดี รู้สึกภูมิใจในตัวเอง
จะแค่เดินหรือวิ่ง สัก 10 นาที ก็ยังดีกว่า นอนอืดอยู่ที่บ้าน
เคล็ดลับนี้ ฉันใช้มาจนถึงทุกวันนี้ 55555
ข้อที่ 2 หาเพื่อนวิ่ง
เมื่อฉันเริ่มวิ่งได้สักพัก ฉันก็เร่ิมต้องหาเพื่อนมาร่วมอุดมการณ์
ของดีแบบนี้ เราต้องแบ่งปัน5555
ฉันเริ่มจากส่งไลน์ถึงเพื่อนสนิท แล้วเร่ิมส่งการบ้านให้ทุกวัน
เธอก็เร่ิมส่งการบ้านกลับมาละ จากนั้นกลุ่มก็เริ่มขยายขึ้น
เราก็จะคอยส่งการบ้านหากันและกันตลอด
ซึ่งพอเราเห็นเพื่อนในกลุ่มวิ่งกันทุกวัน หรือบ่อยๆ มันก็จะกระตุ้นให้เราอยากทำบ้าง
อย่างเพื่อนในกลุ่ม จะส่งการบ้านกันทุกวัน บางคนวิ่งทุกวัน บางคนวิ่งวันเว้นวัน
หรือบางคนออกกำลังกายอื่นๆ ก็ส่งมาโชว์กัน เพื่อคอยกระตุ้นเตือนให้เราออกกำลัง
ไม่จำเป็นต้องวิ่งอย่างเดียว บางคนโยคะ บางคนยกเวท แล้วแต่ใครชอบแบบไหน
แต่ต้องส่งการบ้าน จริงๆ มันคือ เรื่องของ ความอยากโชว์ด้วยนะ
อย่างวันไหน ฉันวิ่งได้เยอะ ฉันก็อยากโชว์บ้าง 5555
แต่ถ้าเราลงโซเชียล เช่น เฟซบุุ๊ค ทุกวัน เดี๋ยวจะคนพาลจะหมั่นไส้ 5555
ฉันเลยเลือกที่จะส่งการบ้านกันเองในกลุ่ม ส่งกันไป ส่งกันมา ก็สนุกดีนะ
จนถึงตอนนี้ การวิ่งเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของฉันไปแล้ว
มันหยุดไม่ได้แล้วจริงๆ 5555
ฉันลงวิ่งฮาล์ฟมาราธอนไป 2 ครั้ง และจะลงวิ่งมาราธอนในเดือนกุมภาพันธ์
ปีหน้า เพื่อนๆเอาใจช่วยด้วยนะคะ
หวังว่าบทความนี้จะเป็นหนึ่งในกำลังใจสำหรับคนที่อยากจะเริ่มวิ่งนะคะ
มันไม่ยากอย่างที่คิดกันค่ะ
คนอย่างฉันทำได้ พวกคุณก็ทำได้ค่ะ
เอาวิธีการไปลองใช้กันดูนะคะ ได้ผลยังไงมาบอกเล่าให้ฟังบ้างนะคะ
เป็นกำลังใจให้ทุกคนค่ะ
เมื่อฉันเริ่มวิ่งตอนอายุ 39 ปี
ต้องบอกก่อนว่า ก่อนหน้านั้นเป็นระยะเวลาตั้งแต่ลืมตาดูโลก จนถึงวันแรกที่ใส่รองเท้าวิ่ง
นั่นนับเป็นจำนวนปีได้กว่า 39 ปี
จำได้ว่า วิ่งครั้งแรก ใช้เวลาการแต่งตัววิ่งนานกว่าวิ่งอีก 55555
กว่าจะแม็ตช์ เสื้อ ผ้า หน้า ผม รองเท้า ได้ก็ปาเข้าไป 15 นาที
แต่วิ่งครั้งแรกใช้เวลาไม่ถึง 5 นาที เรียกได้ว่า เหงื่อยังไม่ทันซึมผ่านผิวหนังเลย
ก็เหนื่อยละ อารมณ์ปานว่า จะเป็นลม หูอื้อ หัวหมุนติ้ว
คนอื่นเห็นคงคิดว่า วิ่งมากว่า 1 ชั่วโมงละ
แต่ด้วยความอยากผอม น้ำหนักตอนนั้น ประมาณ 54 กก. ได้ ซึ่งเทียบกับส่วนสูงที่
สูงแค่ 156 ซม. ก็ถือได้ว่า เกือบจะอ้วนละ 5555
ด้วยความเป็นคนแขน ขา เล็ก คนทั่วไปเลยมองว่า ไม่อ้วน แต่จริงๆ แล้ว บรรดาไขมันทั้งหมดที่
มีในตัวนั้น ไหลมาอยู่ที่เดียวกันเลย คือ พุง 555555
จึงเป็นจุดเริ่มต้นว่า "แกควรจะออกกำลังกายได้ละ"
หลังจากวันแรกผ่านไป ก็มีวันที่ 2 วันที่ 3 และก็วันต่อๆมา
เนื่องจากเป็นคนชอบการเอาชนะตัวเอง จึงตั้งปณิธานว่า จะวิ่งให้ได้ทุกวัน
แต่ ๆ ๆ
ผ่านไปได้สัก 2 อาทิตย์
เชื่อว่า ทุกคนที่วิ่งตอนแรกๆ จะต้องเจอกับวันนี้
วันที่ เหนื่อย ท้อ เมื่อย ง่วง หิว หมดหวังกับชีวิต ชีวิตนี้ไม่มีค่า ชีวิตนี้ไร้ซึ่งความสุข บลาๆๆ
แล้วก็หยุดว่ิ่ง คิดในใจว่า "ไว้พรุ่งนี้ละกัน"
แล้ววันพรุ่งนี้ก็มาไม่ถึง 555555
วันหนึ่ง พอหยุดไปได้สัก 3 วัน ความขี้เกียจเริ่มก่อตัวขึ้นเป็นก้อนๆ อัดแน่นอยู่เต็มตัว
คือ ก้อนขี้เกียจ หรือก้อนไขมัน ก็ไม่แน่ใจ
ชีวิตเริ่มหาทางยุ่งไปกับเรื่องอื่นๆ ประชุมเลิกดึก หิวข้าว ง่วงนอน มีนัดสังสรรค์กับเพื่อน
ติดงานเลี้ยง เวียนหัว คลื่นไส้ อาเจียน
จิปาถะ แล้วก็คิดเข้าข้างตัวเอง "ก็คนมันยุ่งอะ" "ไม่มีเวลาเลย" "ทำงานมาก็เหนื่อย จะให้ไปวิ่ง
อีกทำไม" "ขอนอนส่อง fb คนอื่นดีกว่า อิอิ"
จนพอเริ่มใส่กระโปรงแล้วอึดอัด ก็กลับมาก้มมองดูพุงน้อยๆ ของตัวเองอีก
เฮ้อ สงสัยต้องเริ่มวิ่งอีกทีละ
เอาใหม่ ห้ามเลื่อน 555555 (บอกกับตัวเอง)
ทำไงดี มีวิธีไหนบ้างที่ทำให้เราอยากวิ่ง
อ๋อ รู้ละ ซื้อรองเท้าใหม่
พอฉันซื้อรองเท้าใหม่ ก็มีอาการเห่อของ อยากโชว์
เอาละ วันนี้ต้องวิ่งโชว์ซะหน่อย
พอเริ่มวิ่งใหม่ ก็เกิดอาการเดิมอีก คือ แต่งตัว 15 นาที วิ่ง 5 นาที
วิ่ง 2 วัน หยุด 3 วัน ชีวิตวนเวียนเป็นลูปไปเรื่อยๆ
รองเท้าใหม่ก็แล้ว กางเกงใหม่ก็แล้ว หมวกใหม่ (อันนี้ถือเป็นพร็อพส่วนตัว) ก็แล้ว
ก็ยังวนเวียนอยู่แบบนี้ไปเรื่อยๆ
จนวันนึงก็ถึงจุดเปลี่ยน
คือ ถ่ายรูปมา เห็นแขนตัวเองใหญ่กว่าขาอีก แถมมันจะห้อยๆ เนื้อย้วยๆ
ลมแทบจับ ตายแล้วววววว
ฉันต้องเปลี่ยนตัวเองให้ได้
แต่จะทำยังไงดี คิดๆๆๆ
ต้องหากลยุทธ์ใหม่ ที่จะไม่กลับไปเป็นเหมือนเดิม
หาข้อมูลจาก google เลยจ้า "ทำไงดี ขี้เกียจวิ่ง"
เฮ้ย มีเพื่อนเพียบเลย 555 รู้สึกดีใจ ไม่ใช่ฉันคนเดียวดีหว่า
มีหลายวิธีมากเลย ที่มีคนมาแชร์ ไม่ว่าจะเป็น
ก้มลองดูพุงตัวเองสิ จะเกิดอาการอยากวิ่งขึ้น
หรือ ติดรูปนางแบบไว้ข้างฝาบ้าน หรือหาแรงบันดาลใจ ต่างๆ
ก็ลองหลายมันทุกวิธีละ แต่มาเจอ 2 วิธี ซึ่งมันได้ผลมากกก
มันคือ อาวุธสำคัญ ที่ทำให้ฉันลุกขึ้นมาวิ่งได้ทุกวันโดยไม่ขี้เกียจ
สิ่งนั้น คือ ...........
ข้อแรก ห้ามคิดอะไรเลย ในหัวเลิกคิดไปชั่วขณะ
แค่กลับถึงบ้าน หรือจะตื่นเช้าขึ้นมาแล้ว
ลุกขึ้นแต่งตัว ใส่รองเท้าวิ่ง
ไม่ว่าจะรู้สึกอย่างไร ไม่ต้องสนใจอะไรที่ผ่านเข้ามาในหัว
เดินไปที่ตู้เสื้อผ้า หยิบชุดวิ่งออกมา
เดินหน้าตาลอยไปหยิบรองเท้ามาใส่
แล้วเดินออกจากบ้าน
แค่นั้นเอง
พอได้ใส่รองเท้าวิ่ง แล้วก็เดินออกจากบ้านไป
มันก็จะทำให้เราเดินหรือวิ่งได้เอง
วันไหนเหนื่อยก็เดิน
วันไหนไม่เหนื่อยก็วิ่ง
แค่เนี้ย
แค่ใส่รองเท้าวิ่ง
โดยไม่ต้องมีอะไรในหัว ไม่ต้องคิดอะไรเลย เดินแบบไร้วิญญาณไปใส่รองเท้าวิ่งซะ
ตื่นเช้ามา ลุกขึ้นจากเตียง ไม่ต้องทำอะไรหรือคิดอะไรทั้งนั้น
จบ...
ง่ายมั้ย จะบอกว่า เป็นเคล็ดลับที่ง่ายมาก แต่ถามว่าทุกคนทำได้มั้ย
ทำได้นะ จะบอกว่า มันทำได้กับทุกคนนะ
เพราะจริงๆ สิ่งที่มันขวางเราไม่ให้เราออกไปวิ่ง
คือ สมอง ของเรา ที่มันคอยจะบอกว่า เฮ้ย มันเหนื่อยอะ มันขี้เกียจอะ
วิธีการที่จะเอาชนะสมองของเราได้ ก็คือ ห้ามคิด แค่ลงมือทำอย่างเดียว
แล้วเชื่อเถอะ ว่าหลังจากเราวิ่งเสร็จแล้ว สารเคมีที่ชื่อ "เอนโดรฟิน"
จะหลั่งออกมา ทำให้เรารู้สึกดี รู้สึกภูมิใจในตัวเอง
จะแค่เดินหรือวิ่ง สัก 10 นาที ก็ยังดีกว่า นอนอืดอยู่ที่บ้าน
เคล็ดลับนี้ ฉันใช้มาจนถึงทุกวันนี้ 55555
ข้อที่ 2 หาเพื่อนวิ่ง
เมื่อฉันเริ่มวิ่งได้สักพัก ฉันก็เร่ิมต้องหาเพื่อนมาร่วมอุดมการณ์
ของดีแบบนี้ เราต้องแบ่งปัน5555
ฉันเริ่มจากส่งไลน์ถึงเพื่อนสนิท แล้วเร่ิมส่งการบ้านให้ทุกวัน
เธอก็เร่ิมส่งการบ้านกลับมาละ จากนั้นกลุ่มก็เริ่มขยายขึ้น
เราก็จะคอยส่งการบ้านหากันและกันตลอด
ซึ่งพอเราเห็นเพื่อนในกลุ่มวิ่งกันทุกวัน หรือบ่อยๆ มันก็จะกระตุ้นให้เราอยากทำบ้าง
อย่างเพื่อนในกลุ่ม จะส่งการบ้านกันทุกวัน บางคนวิ่งทุกวัน บางคนวิ่งวันเว้นวัน
หรือบางคนออกกำลังกายอื่นๆ ก็ส่งมาโชว์กัน เพื่อคอยกระตุ้นเตือนให้เราออกกำลัง
ไม่จำเป็นต้องวิ่งอย่างเดียว บางคนโยคะ บางคนยกเวท แล้วแต่ใครชอบแบบไหน
แต่ต้องส่งการบ้าน จริงๆ มันคือ เรื่องของ ความอยากโชว์ด้วยนะ
อย่างวันไหน ฉันวิ่งได้เยอะ ฉันก็อยากโชว์บ้าง 5555
แต่ถ้าเราลงโซเชียล เช่น เฟซบุุ๊ค ทุกวัน เดี๋ยวจะคนพาลจะหมั่นไส้ 5555
ฉันเลยเลือกที่จะส่งการบ้านกันเองในกลุ่ม ส่งกันไป ส่งกันมา ก็สนุกดีนะ
จนถึงตอนนี้ การวิ่งเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของฉันไปแล้ว
มันหยุดไม่ได้แล้วจริงๆ 5555
ฉันลงวิ่งฮาล์ฟมาราธอนไป 2 ครั้ง และจะลงวิ่งมาราธอนในเดือนกุมภาพันธ์
ปีหน้า เพื่อนๆเอาใจช่วยด้วยนะคะ
หวังว่าบทความนี้จะเป็นหนึ่งในกำลังใจสำหรับคนที่อยากจะเริ่มวิ่งนะคะ
มันไม่ยากอย่างที่คิดกันค่ะ
คนอย่างฉันทำได้ พวกคุณก็ทำได้ค่ะ
เอาวิธีการไปลองใช้กันดูนะคะ ได้ผลยังไงมาบอกเล่าให้ฟังบ้างนะคะ
เป็นกำลังใจให้ทุกคนค่ะ